เสียงระฆังตังถึงท้องนภา กระจายไปทุกมุมเมือง สะท้อนสะท้าน อยู่ในใจทุกผู้คน อย่างแช่มข้า ทุกคนเผยรอยยิ้มออกมา เซ่ยสินนับ คำนวณในใจ พบว่าเสียงระฆังตังอยู่นานถึงสามนาที
รอจนเสียงระฆังสร่างซาลง หย่งเล่อฮ่องเต้ค่อยทรงพระสรวล ดังๆ ออกมา เสียงทรงพระสรวลยิ่งมายิ่งตัง เหล่าขุนนางที่นอนเป่าลม โฮมโปรทั้งบุ๋นและบู๊พา กันน้อมกายลง กล่าวโดยพร้อมเพรียงว่า “สวรรค์คุ้มครองต้าหมิง ขอ แสดงความยินดีฝ่าบาท” หย่งเล่อฮ่องเต้ทรงพระสรวลดังๆ โบกพระหัตถ์ตรัสว่า “ให้ปูน บำเหน็จเจ้าหน้าที่ที่ร่วมหล่อระฆังทุกคนอย่างงาม” ในยามนั้น พู่อินคล้ายนากบกที่ถูกเสียงระฆังปลุกตื่นขึ้นมา ค่อย ปีนขึ้นบนกำแพง ชะโงกศีรษะมองมาทางด้านนี้... หย่งเล่อฮ่องเต้ทอดพระเนตรสิ่งที่ทรงถืออยู่ ยิ่งทอดพระเนตรยิ่ง กริ้ว ความโสมนัสยินดีอันเนื่องมาจากการหลอมระฆังสำเร็จปลาสนา การหายสิ้น “ค่ายตงจี้ซื่อฉ่าง[1] สืบทราบว่า ระหว่างที่จี้โหยวหนันที่เป็นคน สนิทของจี้กังเป็นผู้ดูแลหน่วยหนันเจี้นผู้ซือ ได้รับคำสั่งจากจี้กัง ยักยอก ปีนไฟที่คิดด้นขึ้นใหม่ ตลอดจนอาวุธชุดเกราะ เก็บซ่อนอยู่ในตัวตึกของ จี้กัง ชุนนางจื่อฮุยเจี่ยนซื่อที่นอนเป่าลม intex 68755กรมความมั่นคงแผ่นดินไซ่ฮาจี้อ กับผู้ดูแล หน่วยหนันเจิ้นผู้ซ่อ ได้แนบบันทึกที่จี้กังยักยอกยุทธภัณฑ์ พร้อมด้วย พยานบุคคลมาด้วย ค่ายตงจี้ซื่อฉ่างสืบทราบว่า พ่อค้าลานเกลือที่เลี่ยงไหว ลานเกลือ อันฟง และลานเกลือช่างจี้ฟ้องร้องว่า เสิ่นเหวินลู้ผู้เป็นสมุนของจี้กังถือ ราชโองการปลอมไปรับเกลือจากลานเกลือ หลายปีมานโด้รับเกลือไป เป็นมูลค่านับอี้ว่าน[2] พ่านฉีเหน็ยนกับพวกล้วนเป็นพยาน ทั้งยังแนบ เอกสารที่จี้กังปลอมแปลงราชโองการมาหนึ่งฉบับ ค่ายตงจี้ซื่อฉ่างสืบทราบว่าหลายปีมานี้จี้กังอาศัยตำแหน่งหน้าที่ ใช่สอยเรือขนส่งทางนํ้าขนส่งของเถื่อน รายได้ล้วนเช่ากระเป๋าตัวเอง ผู้ บัญชาการขนล่งทางนํ้าของด้าหมิงยังแนบพยานบุคคลและพยานวัตถุมา ค่ายตงจี้ซื่อฉ่างสืบทราบว่า จี้กังฉวยโอกาสที่ตรวจสอบชุนนาง และไต่สวนคดีก่อการกบฏ ทำการให้ร้ายและขู่กรรโชกทรัพย์เศรษฐีแดน เจียงหนันร่วมร้อยราย ทั้งขูดรีดร้านรวงเอกชน ฮุบที่นาของชาวบ้านนับ จำนวนไม่ถ้วน ขุนนางตูฉาเอี้ยนหวงเจินยืนยันว่าเป็นความจริง ทั้งแนบ รายซื่อพยานและหลักฐานของพ่อค้าที่รับเคราะห์มาด้วย ค่ายตงจี้ซื่อฉ่างสืบทราบว่า แม่ทัพตูโซฟาเป่าลมอเนกประสงค์ตูเซวี่ยลู่รับอนุภรรยา จี้กัง เห็นหญิงสาวนั้นมีรูปโฉมงดงาม คิดแย่งชิงไม่สำเร็จ เมื่อพบกับเซวี่ยลู่ใน รัง จึงลงมือทุบตี ทำร้ายเซวี่ยลู่ปางตาย จนบัดนี้ยังไม่หายตี แม่ทัพตูตู เซวี่ยลู่มีเท่ากับร้อยล้าน
0 Comments
ติงอวี่ปีนอยู่ที่หน้าประตู ในใจครุ่นติด ‘กว๋อกงมีนิสัยร้อนแรงกว่า กาลก่อน คนไต้เลื่อนตำแหน่งอารมณ์ก็ที่นอนเป่าลม ราคาเบ่งพอง คราครั้งนี้ครูสอน หนังสือถูกทิ่มแทงจนบ่รุพรุนแล้ว'
การด่าทอของเซี่ยสินเพื่อจัดระเบียบให้คีนสู่ความสงบเรียบร้อย เซี่ยสินเป็นเจ้าหน้าที่สูงสุดของแดนเหลียวตง ทั้งมีบารมีที่ไม่มีผู้ ใดเทียบได้ ทุกถ้อยคำของมันจะกำหนดทิศทางของแดนเหลียวตง แน่นอน ทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแดนเหลียวตง ห้าก เปรียบเป็นสถานที่อื่น เช่นพื้นที่ในแผ่นดินจงหยวนที่เจริญแล้ว ต่อให้ เป็นฮ่องเต้ กังต้องเผชิญกับ!'เปากของบัณฑิตผู้คงแก่เรียน เซี่ยสินยิ่งไม่ ต้องเอ่ยถึง คงถูกเสียงด่าทอท่วมบดบังจนมีดแล้ว แต่แดนเหลียวตงผิดแผกแตกต่าง ที่นอนเป่าลม โฮมโปรเมื่อหลายปีก่อนที่นี้กังไม่มี สถานที่ราชการ ไม่มีสำนักปัเจิ้งชิอ ไม่มีที่ท่าการอำเภอ การบริหารข้อ ราชการอยู่ในความควบคุมของสำนักเหลียวตงตูซือ ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ ทางทหาร หามีขุนนางบุ๋นไม่ หลายปีมานี้การศึกษาในแดนเหลียวตงแม้ขยายใหญ่โต แต่ตอนนี้ กังมีอิทธิพลอย่างจำกัด เพียงแต่ว่านซื่ออวี้มีข้อกริ่งเกรง ไม่กล้าแตกหัก กับเหล่าบัณฑิตจนถูกกล่าวหาว่าเป็นขุนนางโหดเหี้ยม แต่เซึ่ยสินผิดแผก แตกต่าง มันไม่เคยยึดถือตนเองเป็นนักศึกษามาก่อน เซึ่ยสินที่ให้ชาวเหลียวตงเรียนหนังสือ เพราะว่านี่เป็นพื้นฐานของ วัฒนธรรมและการขยับขยายต้านวิทยาศาสตร์ แต่ไม่ต้องการให้พวกมัน เป็นแพะแกะที่ไร้เดียงสา เข้าใจว่าสามารถอยู่ร่วมกับที่นอนเป่าลม intex 6 ฟุตฝูงสุนัขป่า แต่ว่าท่าทีที่ปราศจากข้อกริ่งเกรงของมันแตกต่างจากกาลก่อน เนื่องเพราะเซี่ยสินตัดสินใจแล้ว จึงไม่ห่วงหน้าพะวงหลัง ไม่ต้องมีข้อ กริ่งเกรงอันใด แต่ทหารและพลเรือนแดนเหลียวตงไม่ทราบ จึงสร้าง ความตื่นตระหนกแก่ผู้คนขึ้นมา ถึงแม้ว่าขณะที่เซี่ยสินกล่าวคำพูดนี้ ไต้ขับไล่ผู้ที่ไม่มีส่วน เกี่ยวข้องออกไป แต่เนื้อหายังคงแพร่กระจายออก กลายเป็นหัวข้อที่ คนในแวดวงบัณฑิตวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรง หากว่าอยู่ในแผ่นดีนจง หยวน ท่าทีของเชี่ยสินเช่นนี้คงถูกเหล่าผู้คงแก่เรียนโจมดี แต่ที่นอกด่าน ผิดแผกแตกต่าง ที่นี้ใม่มีพื้นฐานทางวัฒนธรรม ผู้มีการศึกษาที่แดน เหลียวตง ตลอดจนนักศึกษาในแดนเหลียวตงล้วนให้การสนับสนุนมัน การยกตัวอย่างความโหดร้ายของชาวตาร์ตาร์มาจากคนในแผ่นดิน จงหยวน ทั้งยังอบรมสั่งสอนครูสอนหนังสือที่หลงละเมอเพ้อฝันรอบ หนึ่ง บรรดานักศึกษาพอล่วงรู้ข้อเท็จจริงต้องครุ่นคิด ความคิดอ่านที่ ตนเองยึดถือตลอดมาที่แท้ถูกหรือผิด พวกมันย่อมไม่กล้าเคลือบแคลง สงสัยต่อคำสอนของปราชญ์โบราณ ซึ่งความจริงปราชญ์โบราณยุคชุนซิว ยังไม่แข็งกระด้างเท่ากับพวกมัน ความคิดอ่านของปราชญ์โบราณไม่ถึงกับถูกต้องทุกประการ แต่ ท่าทีของพวกมันยังตรงกับความเป็นจริงทั้งเกิดการวิวัฒนาที่นอนเป่าลม ขนาด 4.5 ฟุต พร้อมปั๊มสูบลม และหมอนการตลอดเวลา ดังนั้นคนในแวดวงบัณฑิตพอโต้เถียงรอบหนึ่ง ถึงแม้ยังมีคนหัวโบราณ คราครึอยู่บ้าง แต่กิมีไม่มากนัก หลังจากเหตุการณ์ครั้งนี้ชาวเหลียวตง จำนวนมากเริ่มเปลี่ยนแปลงแนวความคิดของตนเอง มีหนำซํ้าหลังจาก ที่ต้าหมีงอพยพนครหลวงขึ้นมาทางเหนือ ถึอยู่ใกล้กับแดนเหลียวตง ความเปลี่ยนแปลงทางความคิดของคนในแวดวงบัณฑิตแดนเหลียวตง จะเกิดอิทธิพลต่อราช สำนักหมีงอย่างใหญ่หลวง จริงๆ แต่ว่าคนมีชีวิตอยู่ในโลก ต้องกระทำเรื่องที่!เนใจตัวเอง ผู้ที่ ยิ่งอยู่ไนตำแหน่งสูง ยิ่งไม่เป็นตัวของตัวเอง ใช่แล้ว วันนี้เราจะสำเร็จโทษ เจ้า เจ้าความจริงสามารถมีชีวิตอยู่ ถึงกับเป็นสตรีของท่านช่าน แต่ว่า เจ้าโง่งมเกินไป พานไขว่คว้าหาสี่งที่เลื่อนลอย ตอนนี้เจ้าต้องตายแล้ว ใช่ นึกเสียใจหรือไม่?”
เสี่ยวอิงไม่ตอบคำ เพียงหมุนตัวไป Review ที่นอนเป่าลมเพ่งตามองที่ห่างไกลนอก กระโจม หยดนํ้าหยดหนึ่งไหลผ่านเล้นผมบนหน้าผาก หยดลงที่ข้างแก้ม ของนาง หลังจากนั้นปรากฏชายฉกรรจ์สองคนโถมเข้ามา ไข้ผ้าป่านพัน ร่างนางชั้นแล้วชั้นเล่า จากนั้นราดนํ้ามันเนยกังหนึ่งลงยังศีรษะนาง เสี่ยวอิงหลับตาลง ยังคงไม่รํ่าไห้ นางเพียงรำพึงในใจ ‘เรากำลังจะตายแล้ว ฟานใช่ร้องไห้เพื่อเรา หรือไม่ ขอเพียงหลั่งนํ้าตาหยดเดียว เราก็ไม่นึกเสียใจ’ ยามนั้นฮ่อาฮูหยินประกาศต่อหน้าผู้น่าชนเผ่าในกระโจมว่า “ท่าน ทั้งหลาย อาสู่ไถไม่ยอมรับเงื่อนไขแลกเปลี่ยนเชลยของเรา เพื่อฃึ๋เอใจ ไพร่พล กลับสำเร็จโทษม่านตูลาถูของพวกเรา วันนี้เราจะสำเร็จโทษ บุตรีบุญธรรมของมัน หนี้โลหิตต้องล้างด้วยโลหิต” ผู้น่าซนเผ่าคนหนึ่งแค่นหัวร่ออย่างเย็นชากล่าวว่า “ม่านตูลาถูผู้ เป็นวีรบุรุษของพวกเรา รวมทั้งนักรบชนเผ่าเราสามพันคนล้วนตกตาย เพียงสำเร็จโทษสตรีนางหนึ่ง ถือว่าชำระล้างหนี้โลหิตที่นอนเป่าลม intex 6 ฟุตหรือ?” ฮ่อาฮูหยินเพ่งตาจ้องจับบนใบหน้ามัน กล่าวว่า “ใต้เท้าเหลาเปียว นักรบสามพันของเราตายในสมรภูมิ พวกมันเผาเสบียงของอาลู่ไถ สร้าง ความเสียหายแก่อาลู่ไถอย่างหนัก ช่วยให้ทัพวาลาของเราได้ชัย ถือว่า ตายในหน้าที่ ไหนเลยนำมาปะปนกับเรื่องที่ม่านตูลาถูถูกฆ่าได้?” เหลาเปียวเป็นบุรุษอายุสี่สิบเศษ ไว้เคราคางแพะ สองแก้มซูบ เชัยว แววตาลึกซึ้งเยือกเย็น ฮ่อาฮูหยินเป็นสตรีที่ฮาสือฮาฉุดคร่ามา เหลาเปียวไม่ยอมรับสตรี ที่มา จากภายนอกเข้าปกครองชนเผ่าของฮาลือฮา แต่ว่าม่านตูลาถู สนับสนุนฮ่อาฮูหยิน เหลาเปียวจีงอับจนปัญญา ตอนนี้ม่านตูลาถูถูกฆ่า มันกลับออกหน้าแทนม่านตูลาถู ฉวยโอกาสท้าทายอำนาจของฮ่อา ฮูหยิน ฮ่อาฮูหยินพอกล่าวเข่ที่นอนเป่าลม บิ๊กซีนนี้ เหลาเปียวจีงสวนคำว่า “เอ่ยถึงเรื่อง เผาเสบียงของอาลู่ไถ เราจำได้ว่าขณะที่ฮาถุนออกคำสั่งเคยบอกว่า อาลู่ ไถมิคลังเสบียงมากกว่าหนึ่งแห่ง แต่ตอนนี้เป็นอย่างไร ม่านตูลาถูพอ เผาเสบียงของอาลู่ไถหมดสิ้น ความจริงสามารถถอนตัวล่าถอย เหตุใด ฮาถุนจึงสั่งให้ล่วงลึกถึงแนวหลังของข้าศึก เป็นเหตุให้พินาศย่อยอับสิ้น เรื่องนี้ท่านยากปฏิเสธความรับผิดชอบได้” ฮ่อาฮูหยินข่มเพสิงโทสะไว้ กล่าวว่า “ข่าวคราวเปลี่ยนแปลง ตลอดเวลา ข้อมูลมีทั้งจริงและเท็จ คำสั่งนี้เป็นท่านข่านสั่งการ เราเพียง ถ่ายทอดตามนั้น หากใต้เท้าเหลาเปียวไม่ยอมรับ ก็ไปโต้แย้งกับท่านข่าน หากว่าใต้เท้าเหลาเปียวเห็นว่าเพียงสำเร็จโทษอูหลันถูยา อังไม่ชำระล้าง หนี้โลหิต เราจะล่งมอบกำลังทั้งหมดแก่ท่าน ให้ท่านไปหาอาลู่ไถ” นางแค่นหัวร่ออย่างเย็นซา กล่าวอย่างเหยียดยามว่า “อาลู่ไถแม้ กลายเป็นสุนัขสูญที่นอนเป่าลมในรถเสียเจ้าของ แต่ทัพหมิงสอดมือเข้ามาแล้ว ใต้เท้าเหลา เปียวกล้าไปหรือไม่?” วิกาลคล้อยดึก เงาร่างสองสายพลิกตัวเข้ามายังลานบ้านของ ครอบคร้วใหญ่หลังหนึ่ง
ผู้คนตากเสื้อผ้าที่ลานบ้าน หากยังไม่แห้ง ยามครคืนก็ไม่มีฝนตก เจ้าของบ้านจะไม่เก็บเสื้อผ้าเข้าห้อง เซี่ยสินคิดฉวยโอกาสจัดหาเสื้อผ้า สักชุด ที่พวกมันเร้นกายเข้าโซฟาเป่าลมอเนกประสงค์มาเป็นครอบครัวใหญ่ครอบครัวหนึ่ง ประกอบ ด้วยสามช่วงตึก ยังมีตึกข้างข้ายขวา เซี่ยสินเดินดูรอบหนึ่ง ไม่พบเห็น เสื้อผ้า จึงกวักมือชักชวนเสี่ยวอิง เร้นกายถึงตึกช่วงกลาง ที่ลานตึกช่วงกลางตากเสื้อผ้าเอาไว้ เซี่ยสินขณะจะโถมไปหยิบ ฉวยเสื้อผ้า เพิ่งเดินออกไปหนึ่งก้าว ก็หดร่างกลับมา ยื่นมือฉุดตึงเสี่ยวอิง ซ่อนตัวอยู่ในพุ่มไม้ใบดอกที่ใด้หน้าต่าง เสี่ยวอิงขณะจะถามไถ่ ได้ยินเสียงตังแอ๊ด สตรีสาวนางหนึ่งถือ โคมดวงหนึ่งออกมา เดินเลียบทางระเบียงมาถึงห้องหับที่ทั้งสองซ่อนตัว อยู่ ผลักประดูเดินเข้าไป จากนั้นปีดประดูลงกลอน เสี่ยวอิงที่นอนเป่าลม โฮมโปรคิดกล่าววาจา แต่เพิ่งกล่าวคำเดียว ก็ถูกเซี่ยสินปีดปากไว้ ต่อจากนั้นโคมไฟในห้องสว่างวูบ แสงโคมสาดลอดออกมา ส่องต้องพื้น หญ้าที่เบื้องหน้าทั้งสองห่างเพียงสองเชียะ เนื่องเพราะอากาศร้อน ห้อง นอนหลังนี้กลับไม่ปีดหน้าต่าง “ดิกดิกตักคัก...” ภายในห้องบังเกิดเสียงหัวร่อของสตรีตังขึ้น ต่อจากนั้นส้มเสียง บุรุษเสียงหนึ่งตังว่า “เรื่องใดน่าหัวร่อถึงเพียงนี้?” เสี่ยวอิงถูกเซี่ยสินปิดปากไว้ รู้สึกไม่เป็นปรกติอยู่บ้าง นางแกะมือ ของเซี่ยสินออก ถลึงตาใส่มัน เชียสินยกนี้วขึ้แตะรีม'ผ้ปาก เป็นความ หมายให้สงบเสียง เสี่ยวอิงก็เชิดปากน้อยๆ โซฟาเป่าลม Easy Sofa Sportไม่กล่าววาจา หญิงสาวนั้นคล้ายกับทางหนึ่งถอดเสื้อผ้า ทางหนึ่งนั่งลงบนเตียง จากแสงโคมที่สาดลอดออกนอกหน้าต่าง สามารถสังเกตเห็นความ เคลื่อนไหว เหล่านี้ นางหัวร่อคิกคักพลางกล่าวว่า “เซี่ยงกง (คำเรีtin สามี) เมื่อครู่แวะไปสนทนากับเสี่ยวกู (คำเรียกน้องสาวของสามี) ท่าน ทราบหรือไม่ว่ายาโถวโง่เขลานั้นกล่าวอันใด?” บุรุษนั้นอ้าปากหาวพลางถามว่า “เสี่ยวเม่ย (น้องสาวคนเล็ก) กล่าวว่าอย่างไร?” หญิงสาวนั้นกลั้นหัวร่อพลางกล่าวว่า “ข้าพเจ้าถามนางว่าแต่งไป ยังตระกูลหลิน หลินหนันดีต่อนางหรือไม่ กงผอ (พ่อผัวแม่ผัว) ดีต่อ นางหรือไม่ ไปถึงที่นั้นคุ้นชินหรือไม่ นางบอกว่ากงผอดีต่อนาง สามีก็รัก นาง แต่มีธรรมเนียมอย่างหนึ่งต่างกับที่นี้ ยังไม่คุ้นเคยอยู่บ้าง” บุรุษนั้นกล่าวอย่างเกียจคร้านว่า “บ้านตระกูลหลินที่เมืองเชียง เฉวียน ห่างจากบ้านเราไม่กี่ลิบลี้ มีธรรมเนียมใดที่แตกต่าง?” หญิงสาวนั้นหัวร่อคิกออกมากล่าวว่า “ใช่แล้ว ข้าพเจ้าก็ถามเช่นนี้ เสี่ยวกูบอกว่าบ้านเราใช้หมอนหนุนศีรษะ แต่ว่าบ้านของสามีนางไข้ หมอนรองอยู่ใต้เอว เป็นเหตุให้นางหลับไม่สบายสองวัน” บุรุษนั้นหัวร่อออกมา ชั่วครู่ให้หลังจึงกล่าว “ช่างเป็นบาปกรรมจริง ๆ หากมิใช่ราชสำนักคัดเลือกซิ่วหนี่ เสี่ยวเม่ยเพิ่งอายุลิบสามปีเข้าใจ อันใด บวกกับตบแต่งอย่างรีบร้อน เหนียง (ฟานแม่) ไม่หันสอนสั่ง...” เซี่ยสินที่ใต้หน้าต่างไต้ยินอย่างชัดเจน ต้องกลั้นที่นอนเป่าลม บิ๊กซีหัวร่อจนหน้าแดง กร หัวไหล่สั่นสะท้านตลอดเวลา เสี่ยวอิงย่อคัวอยู่ต้านข้าง ต้องมองดู มันด้วยความประหลาดใจ หยางไหวเสี่ยนทางหนึ่งวิ่ง ทางหนึ่งใช้มือน้อยๆ ปิดหน้าป้องหลัง ปิดบังลูกไก่กับก้นน้อยๆ เอาไว้ ฉีหมีงเอ๋อซมลูจนหัวร่องอหาย ด้นขา สั่นกระเพื่อม สั่นไหวจนเซึ่ยสินซึ่งเพิ่งหลับตาลงจนตื่นขึ้นมา “เป็นไรแล้ว?”
เซึ่ยสินเพิ่งเอ่ยปากถาม หยางไหวเสี่ยนก็กระโดดลโซฟาลม พกพา ราคาส่งมาบนหนัง ท้องของมัน ร้องว่า “หวาดเสียวนัก” ฉีหมิงเอ๋อหัวร่อจนหอบหายใจ บอกเล่าเรื่องน่าอับอายขายหน้า ของบุตรชายออกไป เซึ่ยสินก็หัวร่อดังๆ กล่าวว่า “ลูกเราเฉลียวฉลาดนัก หากเจ้าเดินส่ายอาดๆ เช้าไป ไม่แน่ว่าจะถูกไก่แจ้ตัวนั้นจิกใส่คำหนึ่ง” ฉีหมีงเอ๋อหัวร่อพลางกล่าวว่า “อย่าได้ฃู่ขวัญทารก มา ให้เหนียง อุ้ม” หยางไหวเอี่ยนคืบคลานขึ้นจากหน้าท้องของบิดา มุดเข้าอ้อมอก ของมารดา ฉหมงเอ๋อขบขมับของมัน ปลอบโยนว่า “ขวัญเจ้าจงกลับมา...” เซี่ยสินนอนกระดิกขา กล่าวว่า “อย่าได้ตามใจมันจนเหลิง บุรุษ สมควรออกผจญภัย ลูกเราไม่ต้องกลัว รอจนเจ้าเติบใหญ่กว่านี้ บิดาจะ เก้าอี้เป่าลมสอนวิชาการต่อสู้ไห้ เมื่อ■ ทเรียนวิชา?เมือได้ อย่าว่าแต่ไก่แจ้ตัวหนึ่ง แม้ แต่เสือร้ายยังต่อยจนตาย” หยางไหวเอี่ยนผงกศีรษะติดต่อกัน ฉีหมิงเอ๋อกล่าวอย่างขุ่นเคือง แง่งอนว่า “ทารกอายุไม่ถึงสามขวบ ไม่เคยเห็นไก่แจ้ตัวโตมาก่อน ไม่ กลัวก็แปลกไปแล้ว” ตอนที่หยางไหวเอี่ยนวิ่งมา สุนัขเหลืองตัวเล็กก็วิ่งตามมา สุนัข ตัวนี้เป็นบ้านของบ่าวไพร่เลี้ยงไว้ เนื่องเพราะหยางไหวเอี่ยนมักป้อน อาหารให้ มันจึงติดตามหลังหยางไหวเอี่ยนไม่ห่าง เด็กชายทั้งสองพอวิ่งออกไป ไม่เห็นหยางไหวเอี่ยนตามมา จึงวิ่ง กลับมาร้องเรียกว่า “ไหวเอี่ยน พวกเราไปเล่นกัน” หยางไหวเอี่ยนจะอย่างไรห่วงแต่เล่น พอฟังจึงลืมความกลัว เมื่อครู่ ผละจากอ้อมอกของมารดา ฉีหมิงเอ๋อรีบกำชับว่า “เถี่ยจู้ (เสา เหล็ก) ซ่วนจื่อ (กลอนประตู) ดูแลมันให้ดีด้วย” เด็กชายทั้งสองรับคำ ฉีหมิงเอ๋อตบก้นของบุตรชาย กล่าวว่า “ไป เถอะ อย่าได้ซุกซนไป” หยางไหวเอี่ยนรับคำ กล่าวกับสุนัขเหลืองตัวเล็กว่า “เมาเมา (แมวเหมียว) พวกเราไป” เซี่ยสินเหลือกตาขึ้นกล่าวว่า “เด็กโง่งม นี่เป็นสุนัข มิใช่แมว” หยางไหวเอี่ยนกล่าวโซฟาเป่าลม pantipเสียงสดใสว่า “ผู้อื่นทราบว่านึ่เป็นสุนัขน้อย แต่ชื่อของมันเรียกว่าเมาเมา (แมวเหมียว)” ฉีหมิงเอ๋อหัวร่อคิกออกมา เซี่ยสินกลับอับจนถ้อยคำ สองสามีภรรยาสนทนาถึงเรื่องของบุตรธิดา จากนั้นวกกลับมาที่ เจี๋ยจิ้น เซี่ยสินกล่าวว่า “เฉินอิงนึกไม่ถึงว่าพวกเราไม่รับกระบวนท่า เอาแต่ โจมตีเจี๋ยจิ้น แทนที่จะได้กลับกลายเป็นเสีย ฝ่าบาทมีราชโองการ เนรเทศเจี๋ยจิ้นไปเป็นขุนนางโย่วชานอี้สำนักปัเจิ้งชือมณฑลกวางสี ครา ก่อนมันถูกเนรเทศไปยังฐานที่มั่นเขตหลันโจว มิใช่กลับคืนสู่ราชสำนัก โซฟาเป่าลม lazadaเป็นขุนนาง เซี่ยสินเหลือกตาขึ้น คิดอ่านในใจ ‘ร่างกายท่านมีส่วนไดที่เราไม่ ลูบคลำ ท่านยังบอกว่าเราไม่คุ้นเคยอีก?’ ที่นอนเป่าลม intex 6 ฟุตในใจครุ่นติดเซ่นนั้น ปาก เปลี่ยนเป็นเรียกหาว่า “แม่นางเซี่ย เราไปแล้ว พวกท่านใช้ชีวิตอยู่ที่นี้ หากมีบ้ญหาใดแก้ไขไม่ได้ ให้ไปหาเราที่ตึกฝ่กว๋อกง”
เสี่ยวอิงเชิดปากน้อยๆ กล่าวว่า “ขอบคุณท่านอย่างมาก ข้าพเจ้า กับท่านยังคงอย่าได้พบกันอีก” กล่าวจบพลางหมุนตัวก้าวข้ามธรณีประตู จากนั้นปีดประดูใหญ่ลงตังโครม เซื่ยสินธีเนยิ้มพลางมองดูประดูใหญ่ที่ปีดสนิท ได้แต่เดินลงบันได ก้าวขึ้นรถโดยสาร ทรุดกายนั่งลง กล่าวว่า “พวกเราไป” เซี่ยสินไม่ได้กลับนครหลวง ตอนที่มันออกจากนครหลวง อ้างว่า รอกไปประกอบภารกิจ ตอนนี้ขบวนยังรออยู่ในค่ายทหารจุดเปลี่ยนม้า หลงเจียงเจ๋อ ดังนั้นมันต้องไปยังที่นั้น รอไว้วันพรุ่งนี้ค่อยกลับนครหลวง เช้าวันรุ่งขึ้น เซี่ยสินจัดขบวนเดินทางกลับนครหลวงอย่างเอิกเกริก วันนี้ประจวบเป็นวันสอบแข่งขันฤดูใบไม้ผลิ กำลังทหารรักษา เมืองและที่ทำการอื่งที่นอนเป่าลม tv directเทียนผู้จัดกำลังทหาร และเจ้าหน้าที่มือปราบตรวจ ตราตามท้องถนน เซี่ยสินเห็นบรรยากาศในท้องถนนต่างจากปรกติ จึง เรียกตัวเจ้าหน้าที่มาสอบถามดู ค่อยทราบว่าวันนี้เป็นวันสอบแข่งขัน เซี่ยสินเกิดความสงสัยอยากรู้ มันรับราชการเป็นเวลานาน ยังไม่ เคยเห็นการสอบแข่งขันมาก่อน จึงสั่งว่า “อ้อมทางไปยังสนามสอบแข่งขัน” ค่าสั่งพอถ่ายทอดออก ขบวนของผู้กว๋อกงจึงลดเลี้ยวไปยังถนน ก่งเอี้ยน เมื่อถึงละแวกถนนก่งเอี้ยน เห็นเจ้าหน้าที่มือปราบหนาตากว่า เติม ยังเพิ่มทหารยืนยามตามจุดต่างๆ เซี่ยสินทราบว่านักศึกษาเล่าเรียนนับสิบปี ค่อยมีโอกาสเข้าสอ,บ แข่งขัน จึงก่ายทอดค่าสั่งไป ห้ามมิให้รัวม้าล่อเบิกทาง ทั้งห้ามชำระ สะสางสถานที่ ให้เดินผ่านถนนก่งเอี้ยนอย่างเงียบเชียบ เชียสินขี่ม้าถึงหน้าประตูสนามสอบแข่งขัน เห็นบัณฑิตจวี้เหยิน ยืนเข้าแถวยาวเหยียด ทยอยเข้าสู่สนามสอบ ทันใดปรากฏไพร่พลสองนายหิ้วปีกคนผมเผ้ายุ่งเหยิง เสื้อผ้ายับ ย่นคนหนึ่งเดินออกมา พอถึงหน้าประตู ก็เหวี่ยงคนล้มลงกับพื้น จากนั้น มืคนติดตามออกมา โยนเสื้อผ้าและหลัวไม้ไผ่ใส่ร่างคนผู้นั้น หลัวไม้ไผ่ กลิ้งไปตามพื้น อาหารการกินและพู่กันจานฝนหมึกกระจายทั่วพื้นดิน เหล่าบัณฑิตจวี้เหวินที่ยืนเข้าแถวอยู่พากันหลบหลีกไปด้านข้าง มีคนกล่าวเป็นเชิงยินดีต่อคราเคราะห์ผู้อื่นว่า “คนผู้นี้,ซ่อน ข้อความอยู่ข้างในของสายคาดถูกจับออก คราครั้งนี้ต้องถูกกรมที่นอนเป่าลม pantipพิธีการ ยกเลิกสถานะนักศึกษา หลังจากนี้ใต้แต่ทำไร่ไถนาแล้ว” เซี่ยสินพลิกตัวลงจากหลังม้าเดินเข้าไป เห็นบัณฑิตนั้นหน้าซีด เผือด หยิบฉวยเสื้อผ้าขึ้นมา กระทั่งหลัวไม้ไผ่ก็ไม่เก็บ สาวเท้าจากไป อย่างเร่งร้อน เซี่ยสินกวาดมองบนพื้น ต้องขมวดคิ้ว เห็นบนพื้นมีกระบอกพู่กัน ที่ถูกบิดหัก จานฝนหมึกที่ถูกทุบแตก รองเท้าที่ถูกงัดออกเผยเห็นช่อง ลับข้างใน ยังมีเสื้อซับเหงื่อที่ถูกฉีกขาด บนเสื้อผ้าเขียนตัวหนังสือถี่ยิบ นอกจากที่นอนเป่าลม lazadaนี้ยังมี อีกทีเถอะ" ซย่าอวี้จิ่นเอ่ยถาม "คดีลังหารช่างใหญ่หลี่สืบได้ความหรือยัง"
เยี่ยเจาล้วงกระดาษแผ่นหนึ่งจากแขนเสื้อยื่นส่งให้เขา "ขอทานน้อยบอกว่าที่นอน อิน เท คใต้หางตาของคนร้ายมืแผลเป็นรอยหนึ่ง ตุลาการหนิวสงสัยว่าจะเป็นคนต่างถิ่นที่มาอาศัยอยู่ในเมืองหลวง เลยให้คน วาดภาพใบหน้าบั้นออกมา อีกไม่นานก็จะติดประกาศไปทั่วเมืองเพื่อเลาะหา ผู้ด้องลงลัย" ดวงตารูปลามเหลี่ยม จมูกงองุ้ม ปากใหญ่ หนวดเครารุงรัง หน้าตา ดุร้ายเหี้ยมเกรียม ซย่าอวี้จิ่นดูอยู่ชั่วครู่ก็กล่าววิจารณ์ยิ้ม ๆ "โธ่เอ๊ย...1ช่าง'วาดภาพคนนี้ผีมือยิ้าแย่'จริง ๆ วาดคนผู้นี้ออกมาลามส่วน คล้ายคน เจ็ดส่วนคล้ายผี..." เยื่ยเจาไม่ออกความเห็นใด ๆ ยามราตรี หอลุราหวนเยือนมืผู้คนคับคั่งเลียงดังเซ็งแซ่ กลิ่นลุราหอม ลอยอวลทั่วบริเวณผลานเลียงร้องรำทำเพลงอย่างลนุกครีกครื้น องค์ชายอีนั่วจับจองห้องส่วนคัวที่มองเห็นทิวทัศน้ภายนอกได้ดีที่สุด คั่งสุราอาหารชั้นหนึ่ง ทั่งยังเชื้อเชิญใต้เท้าเซี่ย ราชมนตรีฝ่ายอักษรลารกับ ใต้เท้าหนิว หัวหน้าสำนักหอพระสบุดซึ่งพาเขาเที่ยวชมลถานที่ต่าง ๆ ตลอด ที่นอนเป่าลม tv directหลายวันนี้มาร่วมดื่มสุราด้วย เยี่ยเจารักษาเวลาจนเป็นนิลัย นางต้องทั่งฉุดทั่งลากซย่าอวี้จิ่น ทั่งคู่ ถึงมิได้ไปลาย หลังจากจัดแจงที่นั่งเรียบร้อยแล้ว องค์ชายอีนั่วกลับชักช้าไม่มาลักที รออยู่นานสองเค่อ ล่ามในคณะทูตตงชย่าวิ่งกระหืดกระหอบมาบอกว่าเขา ติดธุระ จะมาช้ากว่ากำหนดครึ่งชั่วยามและกล่าวขออภัยทุกคน พร้อมยังน่า สุราเลิศรสของตงซย่ามา ขอให้ทุกคนอย่าได้เกรงอกเกรงใจ เริ่มราสุรากันให้ อิ่มหนำลำราญไปก่อนเลย ซย่าอวี้จนไม่พอใจอยู่บ้าง แต่ก็จนปัญญาจะทำอะไรได้ เขาเอนกายพง ช้างหน้าต่าง มองเรือสำราญบนแม่นํ้าฉินอย่างเบื่อหน่าย ทองฟ้าดาษดาไปด้วยดวงดารา แสงโคมสว่างไสวคุจยามกลางวัน เสิยงดนตรีเครึ่องลายแผ่วเบาแว่วมากระทบโสตประสาท ไม่ว่าจะมองไป ทางใดล้วนชวนมองกว่าพวกตาเฒ่ากับคนป่าเถื่อน หลังจากเติอนภรรยา ห้ามดื่มสุราแล้วเขาก็ทิ้งภาระให้นางรับหน้าทั้งหมดคนเดียว ทันใดนั้นเขาลังเกดเห็นเงาที่นอนเป่าลม intex classic downy airbedร่างสูงใหญ่ยีนลับๆ ล่อๆ อยู่ใด้ด้นหลิว ฝังตรงช้าม คล้ายกำลังรอคอยผู้ใดอยู่ ยามที่คนผู้นั้นหันหน้ามา แสงสว่างจากโคมไฟชงแขวนอยู่บนด้นหลิว ล่องกระทบเรือนร่างกำยำ ดวงตารูปสามเหลี่ยมขาวขุ่น จทูกงองุ้มบิดเบี้ยว ใบหน้าฉายฉานความอำมหิตเหี้ยมเกรียมเต็มเบี้ยม ใด้หางตายังมรอยแผล ยาวเป็นทาง oshopping ที่นอนเป่าลมอัปลักษณ์เสิยจนขย่าอวี้จนตกใจสะคุ้งโหยง อดลอบอุทานในใจ มได ■เล้าแก่หอหิ้งลมบ้ติเป็นสหายเก่าของช่างใหญ่หอื่"
ชย'าอวี้จิ,นหยิบกริชที่นางเก็บไว้ในลิ้นขักโต๊ะประทินโฉมมา ดึงด้าม หัวเสือออกจากใบมีด เขาเอ่ยขึ้นพร้อมชี้ลวดลายเล็ก ๆ ดูคล้ายรอยขูดขีดอย่างไม'ตั้งใจที่ จุดหนึ่งซึ่งไม่สะดุดตาตรงมุมขวาด้านบน "สิ่งของที่เขาทำปลอมขนล้วนทำสัญเก้าอี้เป่าลมหัดนั่งลักษณ์ประจำตัวไว้ เจ้าส่องดู ลายเส้นนี้กับแสงไฟก็จะเห็นชื่อเขา,, เยี่ยเจาเดินไปพินิจดูใด้แสงเทียนแล้วเห็นเป็นเช่นนั้นจริง ๆ ก็ถามขึ้น อย่างร้อนรน ''ท่านรู้มาจากที่ใด" ซย่าอวี้จนลูบจมุกอย่างละอายใจ "ช่างใหญ่หสิ่เป็นคนเจ้าปัญญา มีอารมณ์ขัน เขายกตนว่ามีพรสวรรค์ ไม่ฝักใฝ่เงินทอง ไม่มัวเมานาริ หลงโซฟา เป่า ลม 2 คน นั่งใหลเทียงการทำของปลอม แมีอเขา'ไม่ เป็นสองรองใครในแผ่นดิน ไม่ว่าจะทำเรื่องใดล้วนใจกล้าไม่ยั้งคด ทุกปีเขา จะปลอมแปลงงานปีมีอที่เลียนแบบยากที่สุดชี้นหนึ่ง เอาไปหลอกคนที่ถูก หลอกได้ยากที่สุด จากนั้นทุกคนจะเดิมพันสับหลังว่าสำเร็จหริอไม่ ลองปีก่อน คนที่หลงกลคือข้า ของที่ใข้หลอกเป็นลูกหินสิงโตหยกขาวฉลุลาย แต่ข้า ดวงดี ไม'ระวังทำมันตกแตกถึงจับพิรุ®ได้ นับแด'นั้นมาข้ากับเขาก็นับว่า ไมววาทไม่รู้จักกัน ปีนี้เขาปล่อยข่าวในหมุ่พวกเราตั้งนานแล้วว่าคนที่เขาจะ หลอกก็คือเจ้าที่มีกิตติศัพท์เป็นผู้รอบรู้เรื่องตัสตราวุธ ข้าเติมพันว่าเจ้าจับ ไม'ได้ ชนะเงินมาพันกว่าตำสิง... ■ ซย่าอวี้จิ'นพูดเลียงเบาลงเรื่อย ๆ สิหน้าท่าทางกระอักกระอ'วนมาก แม้เยี่ยเจาไม'รู้ว่าเขาเกิดมีมโน®รรมในใจเผยความintex ชุดโซฟาและเก้าอี้เดี่ยว 2 ชิ้น ราคาจริงออกมาด้วย เหตุผลใด แต่ถึงอย่างไรณ็ปีนการแสดงไฆตรี ในใจนางรู้สึกปีติยินดือยู่บ้าง ไม่อยากไล่เลียงเอาความ นางแบมือออก กล่าวทีเล่นทีจริง ■เงินที่ท่านชนะมาได้จะไม่แบ่งให้ข้าด้วยรี" ซย่าอวี้จิ่นล้วงถุงเงินออกมาแต่โดยดีทันใด รีบเร่งหยิบตั๋วเงินสองปีก ล่งให้นางพลางถามเลียงอ่อย "เจ้าไม่โมโหกระมัง" เขาเห็นว่าอีกฝ่ายดูคล้ายไม่มืท่าทีตำหนิโทษ ก็รีบทวงความชอบ "ข้าต้องสิ้นเปลืองเรี่ยวแรงไปตั้งมาก ทั้งขู่ทั้งหลอกกว่า จะเอาของคืนมาจากช่างใหญ่หลี่ได้นะ,, เยยเจาไม่แม้แต่มองดูก็เก็บตั๋วเงินขึ้น หยิบกริชสองเล่มพร้อมอุทานชม "กล้าได้ก็ต้องกล้าเลีย ผลงานของช่างใหญ่หลี่เยี่ยมยอดอย่างไม่มืผู้ใด เทียบโซฟาเป่าลม intex 68564เทียมจริงๆ ข้าถึงกับจับสังเกตไม่ได้แม้แต่น้อยเชียวหรือนี่" ชย่าอวี้จิ่นระบายลมหายใจเฮือกหนี่ง เยี่ยเจาถามอีก “ข้ามืด'าบดู่ยวนยาง[1] แต่พลั้งเผลอท่าหล่นหายไปเล่มหนึ่ง ให้ช่างทั่วไป ดีเล่มใหม่ออกมา จนแล้วจนรอดก็ไม่ได้ความรู้สึกเหมือนคู่เดิมของมัน ไม่รู้ว่า ช่างใหญ่หลี่จะดีดาบตามแบบอีกเล่มให้เข้าคู่กับเล่มที่ข้ามือยู่ได้หริอไม่" [1] ยวนยาง หรือเป็ดแมนดาริน เป็นนกเป็ดนํ้าชนิดหนึ่งที่นิถิ่นกำเนิดในจีน นินิสัยขอบอยู่กันเป็นคู่ จีงกลายเป็นสัญลักษณ์ของ คู่ชึวิตและความรักมั่นคง เยี่ยเจาก็ส่งคนมาบอกเป็นนัยว่าระยะนี้ในเมืองหลวงมียาปลอฆปรากฏขึ้น ไม่ขาดสาย ซํ้าร้ายญาติห่างๆ ของนายทหารเล็กๆ คนหนึ่งยังตกเป็น ผู้เคราะห์ร้าย ทำให้นางรู้สึกไม่สบายใจเป็นอันมากจริง ๆ
เจ้าเมืองนครหลวงกอดหมวกตำแหน่งบนดีรษะตนไว้ ใคร่ครวญอยู่ ครึ่งเด่อ[1] ต่อให้อนุภรรยาคนงามโซฟาลม พกพา ราคาส่งของตนรึ่าไห้นํ้าตานองหน้าประหนึ่งบุปผาติอง หยาดฝนปานใดก็เปล่าประโยชน์ เขาลงมืออย่างเด็ดขาดฉับไว ส่งคนไปตรวจสอบร้านยาทั้งหมด ประเดี๋ยวนั้นเลย จับกุมผู้กระทำผิดทั้งที่ลอบค้าและทำยาปลอมในลักษณะ ต่างๆ รวมไค้สิบแปดคน วินิจฉัยคดีทันทีทันควัน ตัดสินโทษให้โบยผู้ที่เป็น ตัวการใหญ่หกสิบที ดีดรวนสามวัน คุกเข่าประจานอยู่หน้าประตูร้าน และ ชดใช้เงินมากมาย ส่วนผู้ที่มืส่วนรู้เห็นถูกโบยลามสิบที ดีตรวนหนึ่งวัน เนึ่อกงเวลาลงโทษ ขยำอวี้จนมาตามที่ลั่นวาจาไว้จริง ๆ หลังจาก โอภาปราครัยกับเจ้าเมืองนครหลวงแล้วเขาก็ยกน้านั่งตัวเล็กมานั่งช้างๆ ผู้ที่กำลังจะถูกลงโทษ ยกมือเท้าคาง เบกตากว้างมองตูอย่างดี๋นเค้น ทั้งยัง พูดออกความเห็นไม่หยุดปาก •คราวก่อนช้ายังมืไค้เห็นภรรยาช้าโบยคน คราวโซฟาเป่าลมนี้ช้าจะพลาดโอกาส มิไค้ ทุกคนตั้งใจโบยให้ดี ผู้ใดโบยดีมืรางวัลให้อย่างงาม ส่วนคนที่นอนควํ่า กับพื้นก็ค้องร้องเสึยงตัง ๆ นะ อย่าทำให้ช้าต้องผิดหวัง, เหล่าหยางโถวทำหน้าละห้อย เอ่ยปรามขึ้น “จวิ้นอ๋อง โบยดีก็ไม่มืการตกรางวัลนะขอรับ, เจ้าเมืองนครหลวงกล่าวปรามด้วย “จวิ้นอ๋อง ก่อความวุ่นวายเกินกว่าเหตุจะถูกฟ้องร้องได้นะขอรับ,' ชย่าอวี๋จนหันไปถามอย่างยินดีปเดา •ถูกฟ้องร้องแล้วถอดหมวกขุนนางได้หรือไม่', อันว่าสุกรตายย่อมไม่กลัวถูก'นาร้อนลวก ทุกคนโมโหจนกล่าววาจาไม่ออกเพราะอันธพาลผู้นี้เห็นทึการที่จักรพรรดิ ให้เขาทำงานก็คงผ่านการไตร่ตรองมาแล้วว่าเขาจะก่อความวุ่นวายขึ้นอย่างไร ฉะนั้นขอแค่ไม่เลยเกิดเกินไปก็ปล่อยไปตามใจเขาแล้วให้จักรพรรดิชำระความ เอาเอง เดิมทีพวกเจ้าหน้าที่ของที่ว่าการได้รับค่าตอบแทนจากเถ้าแก่ร้านยา เหล่านี้เพื่อให้โบยเบามือหน่อย แต่ตอนนี้ถูกจับตามองอย่างใกล้ขด ทั้งยังเอ่ย ไปถึงเหตุการณ์โบยทหารในค่ายเมื่อคราวก่อนอึก จะอย่างไรหากโทษโบย หกสิบทีแบบเดียวกันได้ผลที่แตกต่างเกินไปคงไม่เข้าทีนัก พวกเขาจำด้อง โซฟาลม พกพา ราคาส่งหักใจทิ้งเงน ลมควรโบยอย่างไรก็โบยไปตามนั้น โบยจนพ่อค้ายาสมุนไพร ใจทรามที่รารวยอยู่ดิกินดิล่งเสียงโอดโอยดังลั่นไปหมด หลังจากโบยเสร็จ ซย่าอวี้จิ่นลุกขึ้นยืนบิดขี้เกียจคราหนึ่ง เดินตาม เจ้าหน้าที่ซึ่งดิตรวนนักโทษแล้วกุมตัวออกไป กล่าวปิดท้ายต่อหน้าฝูงชน ที่มุงดูอยู่ เต่อ หน่วยนับเวลาของจีนที่มีมาตั้งแต่ในสมัยเก้าอี้เป่าลมโบราณ เทียบเวลาประมาณ 15 นาที จักรพรรดิอยู่ในห้องทรงพระอักษร ยิ้มหน้าบานกับตั๋วเงิน แผ่นดินระสาระลายจากศึกสงครามติดต่อกันทลายปี งานน้านงานเมีอง ที่ถูกทิ้งร้างไว้มากมายล้วนต้องดำเนินการในเวลาเดียวกัน เป็นเหตุให้ ท้องพระคลังร่อยหรอ วังหลวงต้องประหยัดมัธยัสถ์ไปเสียทุกเรื่องเพื่อเป็น เยี่ยงอย่างที่ดี แม้แต่จักรพรรดิเองก็ยังต้องเป็นตัวตั๋งตัวดีในการสวมอาภรณ์ ที่ร-รอยปะ,ชุน ขณะที่อัครมเหสีก็ไม่กล้าซื้อหาเครื่องประตับชิ้นใหม่
จวบจนเยี่ยเจายกทัพกลับมาพร้อมอัยชนะและลิ้นสงคราม เรือนผมของ บรรดาสตรีดำหนักในถึงไต้นับว่ามีสีสันสดใสชิ้นเล็กน้อย ตอนนี้ถึงวันฉลอง พระชนมายุหกสิบพรรษาของพระพันปี แม้จักรพรรดิมีบัญชาลงไปให้จัดงาน อย่างเรียบง่าย ทว่าจะทำอย่างไม่ลมพระเกียรตินักก็มิได้เช่นกัน เวลานี้ซย่าอวี๋จนส่งถ่านกลางห้มะที่นอนเป่าลม ขนาด 6 ฟุต พร้อมปั๊มสูบลม และหมอนมาตรว่าเงินหนึ่งหมื่นตำลึงไม่นับ ว่ามากมาย ทว่าเนื้อยุงก็ยังคงเปีนเนื้อ เรียกได้ว่าเขามีความกตัญฌูน่าชื่นชม จักรพรรดิพึงพอใจเป็นอันมาก พลอยให้รู้สึกชื่นชอบหลานชายไปด้วย ส่วนที่มาของเงินก็นับว่าขาวสะอาดดี เดิมทีบ่อนพนันเป็นสถานที่ที่ต้อง ผ่านความเห็นชอบของทางการถึงจะเปิดได้อย่างถูกต้องเปิดเผย ขอเพึยงมีใช่ ที่นอนเป่าลม fridayกระทำผิดกฎหมายบ้านเมืองและมิได้ข่มเหงราษฎร จะได้เงินหรือเสึยเงินล้วน อาดี'ยความลามารถตน ส่วนการพังบ่อนพนันไร้มนุษยธรรมแห่งสองแห่ง ทุบดีอันธพาลคน .ลองคน ขอเพียงไม่ได้ทำให้ใครถึงแก่ชึวิตหรือถูกขุนนางฝ่ายฎีกาเวียนกันมา ถกแขนเสื้อชี้หน้าด่าทอ ก็ไม่นับว่าเป็นเรื่องใหญ่โตเข่นกัน พระองค์ถึงขั้นอยาก ให้ซย่าอวี้จิ่นกวาดล้างบ่อนพนันอีกหลาย ๆ แห่งใจจะขาดด้วยชํ้า ทำให้เศรษฐี เจ้าชองที่ดินที่รื่ารวยเหลือกินเหลือใช้พวกนั้นต้องเฉือนเนื้อตัวเองเลียบ้าง แล้วเอามาให้พระองค์ใช้แก้ปัญหาขาดแคลนเงินไปช่วยผู้ประสบภัยธรรมชาติ ทางตะวันตกเฉียงใต้ ซย่าอวี้จิ่นกล่าวชม "ฝ่าบาททรงปราดเปรื่องปรีชาจริง ๆ พ่ะย่ะค่ะ" จักรพรรดิรู้สึกไม่เหมาะ รีบซ่อนสิหน้ายินดีปรีดาแล้วตวาดดุ "อวี้จ้'น! เจ้าประพฤติตัวเหลวไหลเกินไปแล้ว เป็นถึงหนานผิงจวิ้นอ๋อง ผู้ทรงเกียรติ กลับเช้าบ่อนเกลือกกลั้วกับการพนัน เสื่อมเลียชื่อเสิยง!" ซย่าอวี้จิ่นก้มหน้ารับฟังค่าลังลอน •คราวนื้เห็นแก่ที่เจ้ามีความกตัญญต่อพระพันปีก็แล้วกันไปเถอะ" จักรพรรดิยื่นตั๋วเงินส่งให้ขันทีช้างกายเก็บไว้ด้วยทำทางเคร่งขรีมน่ายำเกรง ถึอเป็นการยุติเรื่องไปเท่านื้ จากนั้นก็เอ'ยอย่างฉุนเฉียว "เวลานื้เจ้าพวกนั้น นับวันยิ่งที่นอนเป่าลมในรถก่อเรื่องหนักข้อขึ้นทุกที อาณาเขตของฉีอ๋องก็อุดมลมบูรณ์มากพอ อยู่แล้ว เขายังจะเอื้อมมือเข้ามากอบโกยเงินทองในเมืองหลวง เปิดบ่อนพนัน กับหอคณิกาลับหลัง ขูดรืดเอารัดเอาเปรียบ ทั้งยังผูกขาดการค้าไว้เพียง ผู้เดียว ช่างไม่รู้จักพอ! ยังมีองค์หญิงฉางผิงนั่นอีกคน แย่งชิงที่ดินผู้อื่นมาเพื่อ ลร้างตำหนักฤดูร้อน ซํ้าร้ายให้ท้ายพวกบ่าวไพร่ใจทราม บบคั้นเจาของที่ดิน จนจบชีวิตไปพร้อมกันทั้งครอบครัวสี่คน แล้วยังถูกถวายฎืกาฟ้องร้องอีก คิดจะยั่วโมโหเราให้ตายจริง ๆ, ส่งถ่านกลางหิมะ เป็นสำนวน หมายถึงหยิบยี่นความช่วยเหถึอที่นอนเป่าลม บิ๊กซีใหิแก่ผู้ที่กำลังสำบากไต้ทันการณ์ |
AuthorIntex Rocky ArchivesCategories |